แนะนำการเลือกซื้อการ์ดจอให้ตรงตามการใช้งาน

การใช้งานสำหรับการเล่นเกมและการแสดงผล 3D 



Geforce GTX 1070


KSLMYeV6Nekkm77rZTfqEU

การ์ดจอจาก NVIDIA ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่พกพาความแรงรีดประสิทธิภาพแบบจัดเต็มสามารถเล่นเกมได้ในความละเอียดตั้งแต่ 1080p ไปจนถึง 1440p ได้สบาย ๆ และจากการทดสอบประสิทธิภาพของมันจากหลาย ๆ สำนักก็มีการพบว่าเจ้า GTX 1070 นี้ทำได้ดีกว่าทั้ง 980 Ti หรือ Titan X เสียอีกเช่น Core Clock ที่ทำได้ถึง 1506 MHz

TLiLMYZuLqifgfhPqNbxLj-650-80

นอกจากนี้ราคาของมันที่ $439.99 หรือ 17,000 บาทโดยประมาณ (อิงจาก Amazon) โดยประมาณก็จัดว่าคุ้มกับความแรงของมันแถมความแรงก็พอ ๆ กับ GTX 1080 ที่มีราคาต่างกันเยอะมากจึงทำให้ GTX 1070 นี้ครบเครื่องทั้งราคาและประสิทธิภาพจึงเรียกว่ามันเป็นการ์ดจอที่เยี่ยมที่สุดในตอนนี้แล้วครับ



Geforce GTX 1080


4dfJerNmVEkDSPSKKsGeJR-650-80

ถึง GTX 1070 จะมีความแรงแต่ก็ยังไม่เท่ากับ GTX 1080 ที่เปิดตัวพร้อม ๆ กันและความแรงของมันนั้นจากการที่หลายสำนักชื่อดังได้นำไปทดสอบกันก็พบว่ามันให้ความแรงมากกว่า GTX 980 Ti และ Titan X ถึง 30% กินไฟน้อยกว่า 30% ซึ่งเป็นผลจาก Process Node ที่ลดจาก 28nm เป็น 16nm FinFET ทำให้ประหยัดไฟขึ้น

M2K8Wh7YdppjxmCeffoj4
ความเร็ว GDDR5X ของมันที่ทำได้นั้นก็สูงลิบลิ่วเช่นกันซึ่งทำไปได้ถึง 10 GB/s , 320 GB/s Bandwidth ส่วนการนำไปทดสอบกับความละเอียดทั้ง 1440p หรือ 4K แน่นอนว่า GTX 1080 ทำได้ยอดเยี่ยมเหนือกว่าการ์ดจอทุกตัวจนเรียกว่าเป็นการ์ดจอระดับ High-End ที่เร็วที่สุดในขณะนี้ก็ว่าได้
สำหรับราคาของมันก็สมน้ำสมเนื้อที่ $699.99 หรือ 25,000 บาท (อิงราคาจาก Amazon) เป็นราคาที่แรงพร้อมกับประสิทธิภาพของมันครับ

Radeon RX 480

bjTAydFrhhTwpNSbhMSrdN-650-80
หาก GTX 1070 และ 1080 แพงไปและไกลเกินเอื้อมก็ขอให้ลองลดระดับมาดูการ์ดจอฝั่ง AMD บ้างกับ Radeon RX 480 ที่มีความแรงพอตัวแถมราคาก็เป็นมิตรอีกด้วยโดยจุดเด่นของมันคือแรม GDDR5 ที่ให้มาถึง 4 GB และ 8GB แต่ว่ามีการกินไฟเพียงแค่ 150W เท่านั้นและนั่นมันก็ทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นน้อยลงด้วย
zM44hh2bPFv9hjXwEqzxk4
นอกจากนี้ Radeon RX 480 ยังสามารถทำ Overclock ได้ครับฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเกมเมอร์ที่ชอบการ Overclock เป็นชีวิตจิตใจแถมการปรับค่ากราฟิกก็สามารถปรับได้ถึงระดับ Ultra ที่ความละเอียด 1080p และระดับ High ในความละเอียด 1440p
ส่วนราคาที่เป็นส่วนสำคัญก็ไม่แพงเลยครับเพียงแค่ 7,000 บาทโดยประมาณแต่ได้ความประหยัดและอุณหภูมิที่ไม่ร้อนเกินไปถือว่าคุ้มค่าครับ

Geforce GTX 1060

bgXR7KNuygGbUy4MvG82gC-650-80
ถ้าพูดถึงการ์ดจอแสนคุ้มค่าค่าย AMD ไปแล้วจะไม่พูดถึงค่ายเขียวอย่าง NVIDIA ก็กระไรอยู่ครับซึ่ง Geforce GTX 1060 ก็เป็นการ์ดจอในระดับพอ ๆ กันที่จัดว่ามีประสิทธิภาพพร้อมกับราคาที่ไม่แพงเกินไปครับ GTX 1060 นี้ก็จะมาพร้อมกับการใช้ไฟที่น้อยกว่า RX 480 เพียง 120W เท่านั้นแถมการทำ Overclock ก็เพิ่มประสิทธิภาพได้อีก 20%
GTX 1060 ก็มีแรมที่ 6GB GDDR5 ส่วนความแรงของมันก็ถือว่าพอตัวครับกับค่า Boost Clock ประมาณ 1700 MHz ความเร็วการประมวลผลที่ 4.4 TFLOPs และที่น่าสนใจคือเมื่อนำไปทดสอบ 3DMark โดยเทียบกับ RX480 ก็พบว่า GTX 1060 เอาชนะไปได้และเมื่อนำไปทดสอบกับการเล่นเกมก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย
crBaQDryXBbUVAgNAd6mfC
ยิ่งไปกว่านั้นผลการทดสอบ GTX 1060 นี้ก็ยังแรงกว่า GTX 960 และ GTX 970 อีกด้วยซึ่งก็ตรงกับความต้องการที่ให้ GTX 1060 มาแทนที่ GTX 960 พอดี
ราคาของมันก็จะถูกกว่ารุ่นพี่ 1070 กับ 1080 ที่ $289.99 หรือประมาณ 10,000 บาทครับ (อิงราคาจาก Amazon) แม้ว่าจะแพงกว่า RX 480 แต่ประสิทธิภาพของมันก็มากกว่าแถมยังอยู่ในตลาดระดับกลางก็ทำให้ GTX 1060 เป็นการ์ดจอที่น่าคบหาอย่างยิ่งโดยเฉพาะผู้เล่นที่เล่นเกมระดับกลางขึ้นไปและต้องการใช้ระยะยาว

Radeon R9 380

D55S2iYsWp9Ly4gdwrPkq4-650-80
ปิดท้ายด้วย R9 380 ที่เป็นการ์ดจอในระดับกลางแต่มันก็มีจุดเด่นตรงที่สามารถรองรับเกมกราฟิกระดับ High ถึง Ultra ได้สบาย ๆ ในความละเอียดที่ 1080p โดยจะมีค่า fps ที่ประมาณ 50-60 เลยทีเดียวและนั่นมันก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเล่นเกม
icf6ethPCowiUu55c3ieHR
ถึงแม้ว่าการกินไฟของมันจะมากไปซักหน่อยที่ 190W มากกว่า GTX 950 การ์ดจอคู่แข่งระดับเดียวกันถึง 75-90W แต่ว่าราคาของมันนั้นกลับถูกมากเป็นการ์ดจอสุดประหยัดอย่างแท้จริงที่มาในราคาเพียงแค่ $157.99 หรือ 5,500 บาทโดยประมาณเท่านั้น (อิงราคาจาก Amazon)
จากราคาที่ว่ามาบวกกับประสิทธิภาพที่ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่เท่าไหร่นักทำให้ R9 380 เป็นการ์ดจอสำหรับเกมเมอร์งบน้อยแต่อยากได้ภาพสวยอย่างแท้จริงครับ

การใช้งานด้าน Graphic Workstation 

หากจะถามถึงการ์ดจอเพื่อการทำงานกลุ่มออกแบบ 3D ไม่ว่าจะเป็นงาน CAD/ CAM/ CAE/ M&E ที่รองรับการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์กลุ่มงานออกแบบโดยเฉพาะ ต้องยกให้กับการ์ดจอในตระกูล AMD FirePro ที่ล่าสุดเดินทางมาถึงสถาปัตยกรรมใหม่ ที่ถูกพัฒนาและอัพเกรดสเปค/ ประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองงานความละเอียดสูงของคุณได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ต้องประหยัดไฟมากกว่าเดิม ซึ่งความโดดเด่นของการ์ดจอ AMD FirePro ซีรีย์ใหม่นี้ คือ การรองรับการแสดงผลที่ความละเอียดระดับ 4K ตั้งแต่การ์ดจอรุ่นเล็กที่สุด ให้งานของคุณออกมาแบบมืออาชีพแม้จะมีงบประมาณที่จำกัด และหากอัพเกรดไปสู่การ์ดจอรุ่นสูงกว่า ก็จะรองรับการแสดงผลแบบ Multi-Display ได้มากยิ่งขึ้น ไล่ตั้งแต่ 4 จอภาพ ไปจนถึง 6 จอภาพด้วยการ์ดจอเพียงใบเดียว โดยสรุปคือ AMD FirePro สายเลือดใหม่เหนือกว่าด้วยการแสดงผลความละเอียดสูง และสามารถเชื่อมต่อจอแสดงผลได้มากกว่า เพื่อความคุ้มค่าต่อเม็ดเงินที่เสียไปซึ่งเป็นจุดแข็งของทาง AMD และมีให้เลือกซื้อหลายระดับราคาเพื่อให้เหมาะกับลักษณะงานของคนทำงานอย่างคุณมากที่สุดครับ

AMD FirePro W2100 :
 การ์ดจอระดับ Entry สำหรับคนทำงาน 3D ระดับเบื้องต้น ถูกพัฒนามาเพื่อแทนที่ FirePro V3900 รองรับการทำงานความละเอียด 4K ที่แม้ว่าจะเป็นการ์ดจอรุ่นเล็กสุด แต่ก็สามารถตอบสนองการทำงานความละเอียดสูงได้ ด้วยการเลือกใช้สถาปัตยกรรม Oland รุ่นประหยัดไฟ มาพร้อมกับ 320 Shaders, Memory DDR3 2GB-128bit ออกแบบในขนาด Low Profile ที่กินไฟเพียง 26W เป็นการ์ดจอตัวเริ่มต้นที่ให้ประสิทธิภาพคุ้มค่าเกินราคา

AMD FirePro W4100 :
 อัพเกรดประสิทธิภาพจาก FirePro V4900 การ์ดจอระดับ Entry ไปสู่ประสิทธิภาพระดับ Mid Range มาพร้อมกับสเปคที่เป็น 512 Shaders และ Memory GDDR5 2GB-128bit อัพเกรดสเปคสูงกว่า แต่กินไฟน้อยกว่า ด้วยอัตรา TDP เพียง 50W พร้อมฟีเจอร์ที่รองรับการแสดงผลระดับ 4K ด้วยการอัพเกรดพอร์ตจอแสดงผลเป็น Mini-DisplayPort จำนวน 4 ช่องทาง

AMD FirePro W5100 :
การ์ดจอระดับ Mainstream ตัวใหม่ ภายใต้สถาปัตยกรรม Bonaire กินไฟต่ำ สำหรับคนทำงานที่ก้าวเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพอีกขั้น และมองหาการ์ดจอเทคโนโลยีใหม่ที่คุ้มค่า มาพร้อมกับ 768 Shaders และอัพเกรด Memory GDDR5 4GB-128bit และอัตรา TDP เพียง 75W อีกทั้งด้วยการอัพเกรดสเปคจึงเป็นการ์ดจอระดับกลางที่สามารถแสดงผลระดับ 4K ได้อย่างไหลลื่น และรองรับการใช้งาน Multi-Display สูงสุด 4 จอภาพ คุ้มทั้งประสิทธิภาพ/ ความประหยัดไฟ/ ราคา

AMD FirePro W7100 :
การ์ดจอระดับโปรที่อัพเกรดสเปคมาแทนที่ FirePro W7000 รุ่นก่อน ดีไซน์ในแบบ Slim ขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรม Tonga ที่โดดเด่นทั้งประสิทธิภาพและความประหยัดไฟ มาพร้อมกับสเปคได้แก่ 1792 Shaders, Memory GDDR5 8GB-256bit ตอบโจทย์งาน 3D ระดับมืออาชีพได้เป็นอย่างดี และรองรับการทำงานความละเอียด 4K สูงสุด 4 หน้าจอ ในขณะที่กินไฟเพียง 150W เท่านั้น

AMD FirePro W8100 :
การ์ดจอระดับรองท็อป หนึ่งในสถาปัตยกรรม Hawaii และโดดเด่นในด้านสเปคและการใช้งาน Multi-Display มาพร้อมกับ 2560 shaders ให้ประสิทธิภาพในการคำนวณระดับ 4 TFLOPs และ Memory GDDR5 ความจุ 8GB-512bit อัพเกรดทั้งความจุและช่องทางแบนด์วิดท์ เพื่อตอบรับการแสดงผลระดับ 4K มากสุดที่ 4 จอภาพ ภายใต้การระบายความร้อนจากชุดฮีทซิงค์ Reference ตัวท็อป

AMD FirePro W9100 :
ที่สุดแห่งการ์ดจอ WorkStation ที่ดีที่สุดในตระกูล AMD FirePro ตอบสนองงานออกแบบ 3D ความละเอียดสูงได้อย่างแท้จริง ด้วยจุดเด่นในการเลือกใช้ชิป GPU สถาปัตยกรรม Hawaii ตัวท็อปรุ่นล่าสุด มาพร้อมกับ 2816 Shaders และ Memory ECC-GDDR5 ความจุมากที่สุดถึง 16GB-512bit รองรับการแสดงผล 4K มากถึง 6 หน้าจอด้วยการ์ดจอเพียงใบเดียว รองรับ OpenCL 2.0 เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมระบบประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยี ZeroCore Power


แหล่งอ้างอิงข้อมูล : https://notebookspec.com/5-best-graphics-card/358280/              

                            https://www.facebook.com/DevasNatural/posts/900820506623877

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม